การเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการที่สำคัญ

  1. ปี 2566

    เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566 บริษัทฯ ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอไอ ("mai") ภายใต้ชื่อหุ้น "READY"

    RPAPAC ดำเนินการชำระบัญชีเสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566

    เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2566 บริษัทฯ ได้จัดอบรมพิเศษหัวข้อ "ยกระดับการขายและการตลาดของธุรกิจด้วย ChatGPT และ AI Technologies" เพื่อให้ผู้ประกอบการ ผู้บริหาร หรือบุคลากรที่ทำงานในสายการขายและการตลาด ได้รับความรู้และทักษะที่จำเป็นในการใช้ประโยชน์จากความสามารถของ ChatGpTและเทคโนโลยี AI แบบต่างๆ

    เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2566 Readyplanet คว้ารางวัลชนะเลิศ Smart Bidding 2.0 ด้านการใช้เทคโนโลยี AI และแมชชีนเลิร์นนิง จาก Google ประเทศไทย มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพในการทำโฆษณาออนไลน์ ตอกย้ำการใช้เทคโนโลยีที่เป็น Al-Powered ยกระดับการให้บริการลูกค้า

    เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2566 บริษัทฯ มุ่งพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ด้าน AI เปิดตัวพี่เจอร์ใหม่ของแพลตฟอร์ม Readyplanet All-in-One ด้านการสแกนนามบัตร และสั่งงานด้วยเสียง ที่พัฒนาโดยใช้เทคโนโลยีด้าน Generative AI เพื่อช่วยให้ลูกค้าที่ใช้งาน R-CRM สามารถทำงานได้สะดวกรวดเร็วและมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น

    เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2566 บริษัทฯ ได้เปิดตัว R-Chatbot ระบบตอบแชทอัตโนมัติด้วยเทคโนโลยีGenerative AI เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสในการขายและลดภาระในการตอบคำถามและการให้บริการลูกค้าของธุรกิจที่ใช้บริการ

  2. ปี 2565

    เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2565 ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปีมีมติอนุมัติให้

    บริษัทฯ ดำเนินการจดทะเบียนแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด

    บริษัทฯ เปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ จากเดิม 10.00 บาทต่อหุ้น เป็น 0.50 บาทต่อหุ้น ส่งผลให้จำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วเพิ่มขึ้นจาก 4.25 ล้านหุ้น เป็น 85.00 ล้านหุ้น

    บริษัทฯ เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 42.50 ล้านบาทเป็น 50.00 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 15,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาทต่อหุ้น เพื่อเสนอขายให้แก่ประชาชนเป็นการทั่วไปครั้งแรก (Initial Public Offering)

    เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2565 บริษัทฯ จดทะเบียนแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด

    เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2565 ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2565 มีมติให้บริษัทนำทุนสำรองตามกฎหมาย จำนวน 0.50 ล้านบาท และส่วนเกินมูลค่าหุ้นสามัญ จำนวน 69.79 ล้านบาท ไปชดเชยผลขาดทุนสะสม จำนวน 70.29 ล้านบาท

  3. ปี 2564

    บริษัทฯ ดำเนินการจดทะเบียนเลิกกิจการ RPMM และ RPAPAC โดย RPMM ชำระบัญชีเสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2565 และ RPAPAC อยู่ระหว่างการดำเนินการชำระบัญชี

    บริษัทฯ เริ่มให้บริการการปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับที่ดีในเว็บค้นหาข้อมูล (Search Engine Optimization: SEO) เพื่อให้ลูกค้ามีจำนวนผู้เข้าชมเว็บเพิ่มขึ้น แบบไม่ผ่านการลงโฆษณา

    บริษัทฯ เริ่มให้บริการโปรแกรมศูนย์รวมแชทในที่เดียว ที่ชื่อว่า “R-Chat” เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถแชทคุยกับลูกค้าทั้งจากช่องทาง Website , LINE OA และ Facebook Messenger ได้จากที่เดียว

  4. ปี 2563

    เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการดำเนินธุรกิจในอนาคตและให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารจัดการ บริษัทฯ ได้ปรับโครงสร้างกลุ่มบริษัทฯ โดยเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2563 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 2/2563 และเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2563 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 3/2563 มีมติอนุมัติให้เลิกกิจการและชำระบัญชี RPMM และ RPAPAC ตามลำดับ

    นอกจากนี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ บริษัทฯ ยังปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจ โดยบริษัทฯ รับโอนธุรกิจทั้งหมดของ RPMAX ซึ่งดำเนินธุรกิจในลักษณะเดียวกัน ทำให้ภายหลังการปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจดังกล่าว RPMAX ได้หยุดการดำเนินธุรกิจ

    บริษัทฯ ยกเลิกการเป็นตัวแทนจำหน่ายโฆษณาออนไลน์บนเว็บไซต์ค้นหาและเครือข่ายการโฆษณาของ Baidu

    บริษัทฯ ยกเลิกการเป็นตัวแทนจำหน่าย LINE@ กับ บริษัท ไลน์ คอมพานี (ประเทศไทย) จำกัด

    Google มีการปรับนโยบาย Google Partner โดยมีข้อกำหนดที่ต่างไปจากเดิมบริษัทฯยังคงเป็น Partner แต่ปรับจาก Google Premier Partner เป็น Google Partner

  5. ปี 2562

    เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2562 บริษัทฯ ได้เข้าซื้อหุ้น RPMM ส่วนที่เหลือ จำนวน 120 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 25.00 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว จากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมที่เหลือ โดยชำระค่าหุ้นทั้งหมดเป็นเงินสด ภายหลังการเข้าทำรายการดังกล่าว ส่งผลให้บริษัทฯ ถือหุ้นใน RPMM ร้อยละ 100.0 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว

    เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2562 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 3/2562 มีมติอนุมัติให้

    บริษัทฯ จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล จากผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในอัตราหุ้นละ 53.00 บาท คิดเป็นจำนวนเงิน 39.59 ล้านบาท

    บริษัทฯ เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 42.50 ล้านบาท โดยออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ตามสัดส่วนการถือหุ้น

    เพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้บริการของบริษัทฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทฯ เริ่มให้บริการแพลตฟอร์มการขายและการตลาดดิจิทัลแบบรวมเป็นหนึ่งเดียว (All-in-One Sales and Marketing Platform) ที่ชื่อว่า “Readyplanet All-in-One Platform” ที่ประกอบด้วยโปรแกรมด้านเว็บไซต์ โฆษณาออนไลน์ และระบบบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า ทำให้ผู้ประกอบการสามารถทำการตลาดและการขายได้อย่างครบขั้นตอนพร้อมวิเคราะห์และติดตามผลในแต่ละขั้นตอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  6. ปี 2561

    เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2561 บริษัทฯ จัดตั้งบริษัทย่อยชื่อ บริษัท เรดดี้แพลนเน็ต เอเชีย แปซิฟิก จำกัด (“RPAPAC”) โดยมีทุนจดทะเบียน เท่ากับ 1 ดอลล่าร์ฮ่องกง (แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 1 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 1 ดอลล่าร์ฮ่องกงต่อหุ้น) โดยบริษัทฯ ถือหุ้นใน RPAPAC ร้อยละ 100.00 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว ทั้งนี้ บริษัทฯ จัดตั้ง RPAPAC ขึ้นเพื่อขยายการให้บริการการตลาดดิจิทัลไปยังกลุ่มลูกค้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

    เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารจัดการ เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2561 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 4/2561 มีมติให้บริษัทฯ ซื้อหุ้น RPMM จากผู้ถือหุ้นรายอื่น จำนวน 120 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 25 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว ส่งผลให้บริษัทฯ จะถือหุ้นใน RPMM เท่ากับ ร้อยละ 100 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว

    เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2561 ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 2/2561 มีมติอนุมัติให้บริษัทฯ ออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 35,104 หุ้น ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมที่เหลือของ ETM เพื่อเป็นการชำระค่าหุ้น ETM ส่วนที่เหลือ จำนวน 14,250 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 47.50 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว ภายหลังการเข้าทำรายการดังกล่าว ส่งผลให้บริษัทฯ ถือหุ้นใน ETM ร้อยละ 99.99 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว และผู้ถือหุ้นเดิมที่เหลือของ ETM ซึ่งเป็นผู้บริหารเดิมของ ETM เข้ามาถือหุ้นในบริษัทฯ และทำหน้าที่เป็นผู้บริหารและพนักงานของกลุ่มบริษัทฯ

    เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2561 บริษัทฯ เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 7.12 ล้านบาท เป็น 7.47 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 35,104 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 10.00 บาทต่อหุ้นให้กับกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมที่เหลือของ ETM เพื่อชำระค่าหุ้น ETM

    เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2561 กลุ่มผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ได้แก่ นายทรงยศ คันธมานนท์ และ DARLEX ได้ขายหุ้นสามัญของบริษัทฯ จำนวน 10,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 10.00 บาทต่อหุ้น ให้แก่ ผู้บริหารและพนักงาน ของบริษัทฯ จำนวน 6 คน ในราคาหุ้นละ 10.00 บาท

    เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการสื่อสารกับลูกค้า บริษัทฯ ได้เปลี่ยนชื่อบริษัทย่อย 2 แห่ง โดยเปลี่ยนชื่อ บริษัท อี-ทราเวล มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (“ETM”) เป็น บริษัท เรดดี้แพลนเน็ต ทราเวลเทค จำกัด (“RPTT”) โดยเน้นการให้บริการกับผู้ประกอบการโรงแรมและรีสอร์ต และเปลี่ยนชื่อ บริษัท เว็บเนติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (“Webnatics”) เป็น บริษัท เรดดี้แพลนเน็ต แมกซ์ จำกัด (“RPMAX”) โดยเน้นการให้บริการกับผู้ประกอบการขนาดใหญ่

    บริษัทฯ ผ่านการรับรองมาตรฐานระบบบริหารจัดการความมั่นคงปลอดภัยของสารสนเทศ (Information Security Management System) จาก International Organization for Standardization หรือ ISO 27001: 2013

    บริษัทฯ เริ่มให้บริการโปรแกรมปุ่มติดต่ออัจฉริยะบนหน้าเว็บไซต์ ที่ชื่อว่า “SalesDesk Widget” (ซึ่งต่อมาได้พัฒนาและเปลี่ยนชื่อเป็น “R-Widget”) เพื่อให้ผู้ใช้ออนไลน์ ติดต่อสื่อสารกับผู้ประกอบการได้อย่างสะดวกจากหลากหลายช่องทาง เช่น โทรศัพท์ LINE และ Facebook Messenger

    บริษัทฯ เริ่มให้บริการโปรแกรมจองบริการ ที่ชื่อว่า “ReadyPlanet Booking” (ซึ่งต่อมาได้พัฒนาและเปลี่ยนชื่อเป็น “R-Booking”) เพื่อให้ลูกค้าที่ประกอบกิจการที่จำเป็นต้องมีการจองเวลานัดหมายเพื่อเข้ารับบริการโดยมีเครื่องมือที่ช่วยในการจัดการนัดหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    บริษัทฯ เริ่มให้บริการแพลตฟอร์มระบบสมาชิกสะสมแต้มดิจิทัล ที่ชื่อ “Pointspot” เพื่อให้ลูกค้ามีระบบที่สามารถรองรับการจัดการส่งเสริมการขายในลักษณะการสะสมคะแนนได้

    เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2561 คุณทรงยศ คันธมานนท์ และ DARLEX ได้เสนอขายหุ้นบางส่วนให้แก่พนักงานของบริษัท เป็นจำนวนทั้งสิ้น 10,000 หุ้น ในราคาท่ากับมูลค่าที่ตราไว้ 10 บาทต่อหุ้น ตามเงื่อนไขที่พนักงานจะทำงานจนถึงวันที่บริษัทฯ ได้เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

  7. ปี 2560

    เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2560 บริษัทฯ เพิ่มทุนจดทะเบียน จาก 5.00 ล้านบาท เป็น 6.39 ล้านบาท โดยออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 138,889 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 10.00 บาทต่อหุ้น ให้กับ DARLEX เพื่อนำเงินเพิ่มทุนมาชำระคืนหนี้ให้กับ DARLEX ส่งผลให้ DARLEX ถือหุ้นของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นเป็น 250,00 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 39.13 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว

    เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2560 บริษัทฯ เข้าลงทุนใน บริษัท เว็บเนติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (“Webnatics”) ซึ่งประกอบธุรกิจการให้บริการบริหารจัดการโฆษณาออนไลน์ โดยซื้อหุ้นจากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม จำนวน 102,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 51.00 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว โดยชำระค่าหุ้นเป็นเงินสดทั้งจำนวน ทั้งนี้ การลงทุนใน Webnatics ซึ่งดำเนินธุรกิจใกล้เคียงกับบางบริการของบริษัทฯ ช่วยให้บริษัทฯ สามารถเพิ่มจำนวนลูกค้าและขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมทุกประเภทธุรกิจได้มากขึ้น

    เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2560 ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 2/2560 มีมติอนุมัติให้บริษัทฯ ออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 72,900 หุ้น ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมที่เหลือของ Webnatics เพื่อเป็นการชำระค่าหุ้น Webnatics ส่วนที่เหลือ จำนวน 98,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 49.00 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว จากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมที่เหลือ โดยชำระค่าหุ้นส่วนหนึ่งเป็นเงินสดและอีกส่วนหนึ่งเป็นหุ้นสามัญของบริษัทฯ ภายหลังการเข้าทำรายการดังกล่าว ส่งผลให้บริษัทฯ ถือหุ้น Webnatics ร้อยละ 100.00 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว และผู้ถือหุ้นเดิมที่เหลือของ Webnatics ซึ่งเป็นผู้บริหารเดิมของ Webnatics เข้ามาถือหุ้นในบริษัทฯ และทำหน้าที่เป็นผู้บริหารและพนักงานของกลุ่มบริษัทฯ

    เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2560 บริษัทฯ เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 6.39 ล้านบาท เป็น 7.12 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 72,900 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 10.00 บาทต่อหุ้นให้กับกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมที่เหลือของ Webnatics เพื่อชำระค่าหุ้น Webnatics

    บริษัทฯ เริ่มให้บริการแพลตฟอร์มสำหรับการบริหารด้านลูกค้าสัมพันธ์ ที่ชื่อว่า “SalesDesk” (ซึ่งต่อมาได้พัฒนาและเปลี่ยนชื่อเป็น “R-CRM”) เพื่อให้ลูกค้าสามารถบริหารจัดการในแต่ละขั้นตอนการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น จึงช่วยเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าสามารถปิดการขายได้มากขึ้น

    บริษัทฯ ได้รับรางวัล SMEs Excellence Awards 2017 ที่จัดขึ้นโดย สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) ในฐานะบริษัทที่มีความเป็นเลิศในด้านการบริหารจัดการโดยรวม ดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส และมีจริยธรรมและธรรมมาภิบาลทางธุรกิจ ซึ่งบริษัทฯ ได้รับการเสนอชื่อ โดย ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และได้รับรางวัล Gold Award

    บริษัทฯ ยกเลิกการเป็นตัวแทนจำหน่าย ระบบสมาชิก (Alibaba Global Gold Supplier) บน Alibaba.com

  8. ปี 2559

    เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2559 Henderson Capital Asia (“HENDERSON”) ได้ซื้อหุ้น DARLEX ทั้งหมดจาก นายทรงยศ คันธมานนท์ ส่งผลให้ HENDERSON ถือหุ้นทางอ้อมในบริษัทฯ ร้อยละ 22.22 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว ทั้งนี้ HENDERSON เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในหมู่เกาะเคย์แมน และถือหุ้นทางอ้อมร้อยละ 100.00 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว โดยกองทุน Lakeshore Capital I LP ซึ่งประกอบธุรกิจการลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพในเอเชีย (รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัท HENDERSON แสดงอยู่ในส่วนที่ 2.2 ข้อที่ 1.3.4 เรื่อง ผู้ถือหุ้น) ภายหลังการเข้าลงทุนดังกล่าว DARLEX ตกลงให้เงินกู้แก่บริษัทฯ เป็นจำนวนเงิน 47.02 ล้านบาท (อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3.00 ต่อปี) มีกำหนดชำระคืนภายในระยะเวลา 1 ปี

    เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2559 บริษัทฯ เข้าลงทุนใน บริษัท อี-ทราเวล มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (“ETM”) ซึ่งประกอบธุรกิจการให้บริการด้านการตลาดดิจิทัลสำหรับผู้ประกอบการโรงแรมและรีสอร์ต โดยซื้อหุ้นจากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม จำนวน 15,750 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 52.50 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว โดยชำระค่าหุ้นทั้งหมดเป็นเงินสด ทั้งนี้ การลงทุนใน ETM เพื่อผนึกความสามารถของแพลตฟอร์มของบริษัทฯ และของ ETM ช่วยให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ากลุ่มโรงแรมและรีสอร์ตได้ดียิ่งขึ้น

    บริษัทฯ ได้รับการแต่งตั้งจากบริษัท ไลน์ คอมพานี (ประเทศไทย) จำกัด เป็นตัวแทนจำหน่าย LINE@ ให้ธุรกิจที่ต้องการสื่อสารกับลูกค้าผ่าน LINE

    บริษัทฯ ได้รับรางวัล Bai Po Business Awards by SASIN ครั้งที่ 12 จากธนาคารไทยพาณิชย์และสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สำหรับองค์กรที่มีความโดดเด่นใน มิติการบริหารจัดการด้านสินค้าและบริการที่สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า (Customer-Focused Product and Service) มิติองค์กรที่มีการสร้างสรรค์นวัตกรรม (Innovative Enterprise) และมิติการสร้างธุรกิจด้วยพลังแห่งการเป็นผู้ประกอบการ (Entrepreneurship)

  9. ปี 2558

    เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2558 บริษัทฯ ได้ปรับโครงสร้างการถือหุ้นในบริษัทฯ ให้สอดคล้องกับแผนการขยายการลงทุนไปยังต่างประเทศ โดยกลุ่มผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ได้แก่ 1) นายทรงยศ คันธมานนท์ 2) นางจณิศรา คันธมานนท์ และ 3) นายบุรินทร์ เกล็ดมณี ได้ขายหุ้นของบริษัทฯ จำนวน 111,111 หุ้น ให้กับ Darlex Limited (“DARLEX”) ส่งผลให้ DARLEX เป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ โดยถือหุ้นร้อยละ 22.22 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว ทั้งนี้ DARLEX จดทะเบียนอยู่ในเขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีทุนจดทะเบียน เท่ากับ 10,000 ดอลล่าร์ฮ่องกง (แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 10,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 ดอลล่าร์ฮ่องกง) และถือหุ้นร้อยละ 100.00 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว โดย นายทรงยศ คันธมานนท์

    บริษัทฯ ได้รับการแต่งตั้งจาก บริษัท Facebook Ireland Ltd. (ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท Meta Platforms Ireland Ltd.) (“เมต้า”) ให้เป็นตัวแทนจำหน่ายโฆษณาที่เรียกว่า Authorized Reseller (ต่อมาเปลี่ยนเป็น Meta Business Partner) เพื่อแสดงว่าบริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการโฆษณาและมีการบริหารจัดการโฆษณาบนแพลตฟอร์มของเมต้าเป็นจำนวนมากให้กับลูกค้า

    บริษัทฯ ได้รับการแต่งตั้งจาก บริษัท Alibaba.com Singapore E-Commerce Private Limited (“อาลีบาบา”) ให้เป็นตัวแทนจำหน่าย Global Gold Supplier Membership ระบบสมาชิกเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถขายสินค้าผ่านเว็บไซต์ Alibaba.com

    บริษัทฯ ได้รับรางวัล Google’s Premier SME Partner Awards สาขา Highest Customer Service Satisfaction ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบริษัทฯ สามารถสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าเป็นอย่างดีสำหรับการบริหารจัดการโฆษณาออนไลน์

  10. ปี 2557

    เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2557 บริษัทฯ จัดตั้งบริษัทย่อยชื่อ บริษัท เรดดี้แพลนเน็ต (เมียนมาร์) จำกัด (“RPMM”) โดยมีทุนจดทะเบียน เท่ากับ 48.00 ล้านจัตพม่า (คิดเป็นจำนวนเงินประมาณ 1.56 ล้านบาท) (แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 480 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 100,000 จัตพม่าต่อหุ้น) โดยบริษัทฯ ถือหุ้นใน RPMM จำนวน 360 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 75.00 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว ทั้งนี้ บริษัทฯ จัดตั้ง RPMM ขึ้นเพื่อขยายบริการแพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปไปยังกลุ่มลูกค้าในประเทศเมียนมาร์

  11. ปี 2556

    บริษัทฯ ได้รับการแต่งตั้งจาก Baidu (“ไป่ตู้”) ให้เป็นตัวแทนจำหน่ายโฆษณาออนไลน์บนเครือข่ายการค้นหาของไป่ตู้ โดยบริษัทฯ ได้รับการแต่งตั้งเป็นรายแรกและรายเดียวของประเทศไทย

  12. ปี 2555

    เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2555 บริษัทฯ เพิ่มทุนจดทะเบียน จาก 2.00 ล้านบาท เป็น 5.00 ล้านบาท โดยออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 300,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 10.00 บาทต่อหุ้น ให้กับผู้ถือหุ้นเดิม

  13. ปี 2552

    บริษัทฯ ได้รับการแต่งตั้งจาก บริษัท Google Asia Pacific Pte. Ltd. (“กูเกิล”) ให้เป็นตัวแทนจำหน่ายโฆษณาที่เรียกว่า Google Premier Partner รายแรกของประเทศไทย เพื่อแสดงว่า บริษัทฯ มีความรู้ความเข้าใจในการบริหารจัดการแคมเปญโฆษณา (Advertising Campaign) กับกูเกิลเป็นอย่างดี และมีการบริหารจัดการโฆษณาบนแพลตฟอร์มการค้นหาข้อมูลของกูเกิลเป็นจำนวนมากให้กับลูกค้า

  14. ปี 2550

    เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2550 บริษัทฯ เพิ่มทุนจดทะเบียน จาก 1.00 ล้านบาท เป็น 2.00 ล้านบาท โดยออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 100,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 10.00 บาทต่อหุ้น ให้กับผู้ถือหุ้นเดิม

  15. ปี 2544

    บริษัทฯ เริ่มให้บริการแพลตฟอร์มสำหรับพัฒนาเว็บไซต์สำเร็จรูป ที่ชื่อว่า “Ready Website” (ซึ่งต่อมาได้พัฒนาและเปลี่ยนชื่อเป็น “R-Web”) เพื่อให้ลูกค้าสามารถสร้างเว็บไซต์ได้ด้วยตนเอง

  16. ปี 2543

    เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2543 บริษัทฯ จัดตั้งขึ้น ในชื่อ บริษัท แกรนด์ แพลนเน็ทเอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด ทุนจดทะเบียนเริ่มต้น เท่ากับ 1.00 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 100,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 10.00 บาทต่อหุ้น